ด้วยทัณฑ์แห่งรัก
พระกุมารเกิดมามีฟัน 32 ซี่ในวันแรกเกิด จึงถูกพระเจ้าปู่ซึ่งเป็นกษัตริย์เนรเทศออกจากพระนครโดยการล่องแพตามคำทำนายของโหรหลวงว่าเป็นคน"กาลี" พระกุมารจะเสียชีวิตกลางสายน้ำจริงหรือไม่...
ผู้เข้าชมรวม
871
ผู้เข้าชมเดือนนี้
13
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่ ๑ เนรเทศ
“พระกุมารเกิดมามีลักษณะต้องห้าม คงถูกลงอาญาหลวงขั้นเด็ดขาดในเร็ววัน”
พ่อเฒ่าโหราจารย์เอ่ยเสียงเศร้ากับกลุ่มกรมการเมืองผู้ใกล้ชิด
“ใช่แล้ว อาการแบบนี้ตรงตามลักษณะคนกาลีบ้าน
กาลีเมืองทุกประการ”
ขุนน้อยพลอยพยักกล่าวสำทับขึ้นอย่างจริงจัง
แล้วเสียงโจษจันก็สะบัดพัดพือออกไปอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างหวาดผวาแทบไม่เป็นอันกินอันนอนราวสิ่ง
อัปมงคล ที่มองไม่เห็นตัวมันแอบซุ่มอยู่หลังบ้านพร้อมขยุ้มคอดูดเลือดได้ทุกเมื่อ
คำพยากรณ์จากราชสำนักเก่าแก่แผลงฤทธิ์มากขึ้น
เมื่อชาวบ้านย่านตลาดปลงใจเชื่อว่าพระกุมารประหลาดคนนี้จะเป็นชนวนต้นเหตุให้บ้านเมืองลุกร้อนดั่งเปลวเพลิงในวันข้างหน้า
เกิดยุคข้าวยากหมากแพงและนำพาบ้านเมืองที่เคยสงบสุขต้องมอดม้วยในแดนอเวจี
“อีกไม่นานหรอก....พวกผีห่า ผีโหงจะลงแด...เมือง”
“นั่นมันแหง ๆ
เป็นแช่แป้งอยู่แล้ว แต่บรรดา ฯพณฯ อาญาเจ้าในเวียงวังทั้งหลายคงไม่ปล่อยให้ชาวบ้านล้มตายเป็นผักปลาหรอกน่ะ”
“พวกเฮาก็คอยฟังข่าวลือต่อไป ถึงยังไง
เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้คงหนีไม่พ้นหลักประหารหรอกเว้ย แรกออกจากท้องแม่ก็มีฟันเต็มปาก
ไม่ใช่มนุษย์ผู้มีบุญมาเกิด นี่มันยักษ์มารชัด ๆ
จะปล่อยให้ลอยนวลไปได้อย่างไร
ไม่ใช่กระทงเดือนสิบสองซักกะหน่อย”
“หน๊อย ! มึงเสือกไปเห็นมากับตารึไง บักจ่อย”
“ปะ...เปล่า...ข้าจำขี้ปากเค้ามาอีกต่อหนึ่ง”
ชาวบ้านต่างซุบซิบกระจายข่าวแบบปากต่อปากราวกับเป็นหลักปฏิบัติว่า
เขาว่ามา ข้าก็ว่าไป
หามีสิ่งใดระงับได้ไม่
ผสมผสานกับกระแสลมหลงฤดูกลับพัดหมุน ปั่นป่วน คลุ้มคลั่งในช่วงเดียวกันแทบลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเป็นเวลาเกือบสามวันสามคืน
ในที่สุด !
เสียงกลองศึกก็แตกระรัวขึ้นตามสี่มุมเมือง มิใช่สัญญาณนำขบวนช้างม้าและไพร่พลออกรบ
แต่เป็นการเสริมเหตุการณ์อัปมงคลให้ระบือออกไปอย่างเป็นทางการ โดยคณะพราหมณาจารย์
เสนามหาอำมาตย์แห่งราชสำนักเวียงจันทน์ได้เข้าเฝ้ากราบทูลสถานการณ์สำคัญต่อพระยาศรีสุวรรณคำผงผู้ครองบัลลังก์
ณ กรุงศรีสัตนาคนหุต
“ลางร้ายปรากฏในแผ่นดินของพระองค์แล้ว
พะยะค่ะ” ประมุขฝ่ายโหราจารณ์กราบทูลด้วยเสียงสั่นเครือ
พระยาศรีสุวรรณคำผงผู้ครองบัลลังก์กรุงศรีสัตนาคนหุตองค์ที่ ๒๑ ต่อจากพระยาสังขตธรรมาภิบาลธิบดีราชาเจ้าจอมกษัตริย์ มีพระราชโอรส ๒ พระองค์คือ เจ้าฟ้าเงี้ยว กับ
เจ้าฟ้าคำเรียว
โดยเจ้าฟ้าเงี้ยวคือบิดาของพระกุมารประหลาดที่สร้างปัญหาอยู่ในขณะนี้
“ท่านโหราจารณ์ หากมีเรื่องไม่งามเช่นนี้เกิดขึ้น
ในสมัยอดีตกาล บรรพบูรพาจารย์ท่านมีการดำเนินการอย่างไร” พระยาศรีสุวรรณคำผงตรัสถามอย่างสุขุม
“ตามโบราณราชประเพณีกล่าวไว้ชัดเจนว่า
ถ้าพระกุมารเกิดมาผิดลักษณะโดยมีพระทนต์งอกยาวเฉกเช่นนี้เข้าข่ายคนกาลี
เจ้าผู้ครองบัลลังก์ต้องเลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในสองวิธีต่อไปนี้คือ
หนึ่ง ฝังกุมารทั้งเป็นบนทางสามแพร่ง
สองเนรเทศโดยการล่องแพไปตามลำน้ำโขงให้พ้นเขตแดนของเรา พะยะค่ะ”
พระยาศรีสุวรรณคำผงตรัสออกไปเป็นเด็ดขาดทันที
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราเลือกข้อที่หนึ่ง
เพื่อให้สันติสุขกลับมาสู่บ้านเมืองของเราโดยพลัน”
ภายในที่ประชุมเงียบกริบ
!
ยกเว้นเจ้าฟ้าเงี้ยวผู้เป็นบิดาของพระกุมาร
ซึ่งเชื่อว่าลักษณะพิเศษของพระกุมารเช่นนี้บ่งบอกถึงผู้มีบุญญาธิการมาจุติ หาใช่คนกาลีแต่อย่างใดไม่ จึงได้เอ่ยขึ้นว่า
“โปรดฟังข้าพระพุทธเจ้าก่อนเถิด
พะยะค่ะ”
“เจ้าไม่ควรมีอันใดขัดข้องนี่น่ะ
”
“การเลือกข้อที่สองโดยการล่องแพจะเป็นการเหมาะสมที่สุด
พะยะค่ะ”
“ไม่ได้ คำสั่งของเราคือข้อที่หนึ่งเท่านั้น เพื่อยุติความยุ่งยากที่จะตามมาภายหลัง
ทายาทคนใดเกิดมาเป็นกาลกิณีไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเอาไว้ร่วมบัลลังก์ ใช่มั้ยท่านโหรา”
“ถูกต้องแล้ว พะยะค่ะ”
“การกระทำต่อกุมารตามข้อที่หนึ่งนั่นต่างหากจะเป็นภัยพิบัติต่อราชบัลลังก์ของพระองค์”
“เจ้าควรแถลงเหตุผลมาด้วย
ไม่เช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้ากำลังสาปแช่งราชบัลลังก์”
“เหตุผลของข้าพระพุทธเจ้าก็คือ
การเลือกลงทัณฑ์พระกุมารผู้ไร้เดียงสาตามข้อที่ ๑ จะก่อให้เกิดคำครหาว่า
พระเจ้าจอมธรรมแห่งเวียงทอง
เวียงธรรมโหดร้ายป่าเถื่อนเยี่ยงคนไร้อารยธรรมทั้งหลาย
อาณาจักรข้างเคียงจะเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องมนุษยธรรม
ถือเอาเป็นความชอบธรรมที่จะเคลื่อนกองทัพเข้ามาโจมตีราชบัลลังก์ของพระองค์ให้ล่มสลายลงง่าย
ๆ”
“เหตุผลของเจ้าก็น่ารับฟัง แต่เด็กปีศาจนั้นต้องตายสถานเดียว”
“ข้าพระพุทธเจ้ากำลังเสนอวิธีที่แยบยลกว่านั้น
กระแสน้ำโหดร้ายของแม่น้ำโขงคือแก่งนรกหลี่ผีจะลงโทษพระกุมารให้ลาลับดับไปโดยธรรมชาติ”
เจ้าฟ้าคำเรียวผู้เป็นอนุชาขัดขวางขึ้นทันที
“ถึงอย่างไรมันก็เป็นวิธีที่ขี้ขลาดตาขาว ไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ไม่เด็ดขาดเยี่ยงขัตติยะกษัตริย์ผู้แกล้วกล้าทั้งหลายพึงกระทำ”
“คิดเช่นนี้จะต่างอะไรกับ...บัลลังก์แห่งอำนาจราชพลีมีกุศลธรรมที่เสื่อมละลายแล้ว”
พระยาศรีสุวรรณคำผงเห็นว่าการถกเถียงจะบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งข้อใหม่ จึงแสดงความเด็ดขาดไปว่า
“เอาละ
ๆ ขอให้ที่ประชุมแห่งนี้รับฟังเป็นสักขีพยานและให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดดังนี้
ถ้าจะให้เนรเทศพระกุมารโดยการล่องแพข้าก็ไม่ขัดข้อง แต่ผู้ที่ร่วมลำแพไปด้วยก็คือผู้เป็นบิดา
มารดาของกุมารกาลีนี้”
(กรุณาติดตามอ่านตอนต่อไป)
ผลงานอื่นๆ ของ ไมย์ ภูมี ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ไมย์ ภูมี
ความคิดเห็น